ค้นหาบล็อกนี้

ผบ.เรือนจำฯ แจงต่อศาล คุมตัวแกนนำราษฎรยามวิกาล เพราะมีความจำเป็นเร่งด่วน

ช่วงเช้าของวันที่ 16 มี.ค. ผู้ดูแลแอคเคาท์ "อานนท์ นำภา" โพสต์ภาพจดหมายที่อานนท์ เขียนขึ้นระหว่างที่ถูกเบิกตัวจากเรือนจำมาทำหน้าที่ทนายความในคดีคนอยากเลือกตั้งซึ่งเป็นคดีความที่เกิดขึ้นตั้งแต่ปี 2561 ในจดหมายฉบับนั้นระบุถึง กรณีความผิดปกติที่เกิดขึ้นในคืนวันที่ 15 มี.ค. หลังจากที่ศาลมีคำสั่งให้ย้ายตัว จุตภัทร์ บุญภัทรรักษา และภาณุพงศ์ จาดนอก ผู้ถูกกล่าวหาในคดี 112 จากกรณีการชุมนุม 19 กันยาทวงอำนาจคืนราษฎร และอีกคนหนึ่งคือ ปิยรัฐ จงเทพ ผู้ก่อตั้งกลุ่ม Wevo ผู้ถูกกล่าวหาคดีอั้งยี้ซ่องโจร ซึ่งถูกศาลใช้อำนาจฝากขังระหว่างการรวบรวมพยานหลักฐานเพื่อทำสำนวนฟ้องยื่นต่ออัยการ เข้าไปควบคุมตัวไว้ที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ ซึ่งก่อนหน้านี้พวกเขาถูกส่งไปควบคุมตัวไว้ยังเรือนจำพิเศษธนบุรี

อานนท์ ยื่นคำร้องต่อศาลเพื่อขอให้เปิดไต่สวนข้อเท็จจริงเกี่ยวกับเรื่องที่เกิดขึ้น ศาลรับคำร้องไว้ และเปิดการไต่สวนทันทีในวันรุ่งขึ้น ทว่าเมื่อถึงเวลาไต่สวนศาลไม่อนุญาติให้สาธารณชนเข้ารับฟังการพิจารณา โอยอ้างว่า ต้องการจำกัดจำนวนผู้เข้ารับฟังการพิจารณา อนุญาติให้เพียงญาติผู้เกี่ยวข้องเข้าไปด้านในห้องพิจารณาคดีได้ เท่านั้น นอกจากนี้ยังมีมาตรการที่เข้มงวดระหว่างการเบิกตัวอานนท์มายังศาล เช่น การไม่เปิดโอกาสให้เขาได้พูดคุยกับผู้ที่เดินทางมาให้กำลังใจเขาที่หน้าห้องพิจารณาคดี

ข้อเท็จจริงจาก "อานนท์ นำภา"
หลังจากผู้ถูกกล่าวหาในคดี 112 จากกรณีการชุมนุม 19 กันยาทวงอำนาจคืนราษฎร จำนวน 4 คนคือ อานนท์ นำภา , พริษฐ์ ชิวารักษ์ , สมยศ พฤษาเกษมสุข และปฏิวัฒน์ สาหร่ายแย้ม ถูกนำตัวกลับมายังเรือนจำพิเศษกรุงเทพ หลังจากถูกเบิกตัวไปศาลตั้งแต่ช่วงเช้าของวันที่ 15 มี.ค. ทั้งหมดถูกนำตัวมาควบคุมไว้ที่แดน 2

จากนั้นได้มีการนำตัว 3 ผู้ถูกกล่าวหาที่ถูกสั่งขังระหว่างการพิจารณาคดีเข้ามาที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพเพิ่มเติมคือ จุตภัทร์ บุญภัทรรักษา และภาณุพงศ์ จาดนอก ผู้ถูกกล่าวหาในคดี 112 จากกรณีการชุมนุม 19 กันยาทวงอำนาจคืนราษฎร และอีกคนหนึ่งคือ ปิยรัฐ จงเทพ ผู้ก่อตั้งกลุ่ม Wevo ผู้ถูกกล่าวหาคดีอั้งยี้ซ่องโจร ซึ่งถูกศาลใช้อำนาจฝากขังระหว่างการรวบรวมพยานหลักฐานเพื่อทำสำนวนฟ้องยื่นต่ออัยการ โดยทั้งสามคนถูกนำตัวเข้าไปไว้ในที่เดียวกันกับอานนท์ และพวก

จากนั้นเวลา 21.30 น. มีเจ้าหน้าที่เรือนจำเข้ามาเพื่อจะนำตัว จตุภัทร์ ภานุพงศ์ และปิยรัฐ ไป โดยอ้างว่าจะนำไปกักตัวไว้ที่ห้องควบคุมอื่น แต่ผู้ถูกกล่าวหาทั้งหมดไม่ยินยอมเนื่องจากเห็นว่า เป็นการกระทำในยามวิกาล ประกอบกับไม่แน่ใจเรื่องความปลอดภัยเนื่องจาก เข้าใจว่าระหว่างทางเดินจากห้องควบคุมตัวที่พวกเขาอยู่ไปยังจุดอื่นๆ ห้องกักตัว ซึ่งไม่ทราบว่าเป็นที่ใดนั้น ไม่มีกล้องวงจรปิด จากนั้นเจ้าหน้าที่ก็ได้กลับออกไป ทั้งนี้ จตุภัทร์ ได้จดจำชื่อเจ้าหน้าที่เข้ามาไว้ได้ประมาณ 4 คน

ต่อมาเวลา 23.45 น. มีเจ้าหน้าที่เรือนจำกลับมาอีกครั้งในจำนวนที่มากกว่าเดิม พร้อมชี้แจงใหม่ว่าจะนำตัวไปตรวจโควิด-19 แต่ผู้ถูกกล่าวหาทั้งหมดไม่ยินยอมเช่นเดิม

จนกระทั่งเวลา 00.15 และ 02.30 น. มีเจ้าหน้าที่เข้ามาอีก โดยสองครั้งนี้พบว่ามีเจ้าหน้าที่ชุดสีน้ำเงินเข้มไม่ติดป้ายชื่อเข้ามา พร้อมทั้งมีแพทย์เข้ามาด้วย แต่อานนท์ตั้งข้อสังเกตว่า แพทย์ที่เข้ามานั้นไม่ได้มีลักษณะที่เตรียมความพร้อมมาก่อนหน้า แต่เหมือนถูกปลุกให้มาทำงานนี้โดยเฉพาะ พวกเขาจึงยืนยันเช่นเดิม นอกจากนี้ในช่วงเวลา 02.30 น. จตุภัทร์ ยังได้เดินเข้าไปหาเจ้าหน้าที่ชุดสีน้ำเงินเข้มไม่ติดป้ายชื่อ เพื่อสอบถามชื่อ-นามสกุล แต่ก็ไม่รับคำตอบ

และหลังจากนั้นอานนท์ ระบุว่า เขาไม่ได้นอนทั้งคืน เนื่องจากกังวลเรื่องความปลอดภัย เช่นเดียวกันกับปิยรัฐ ซึ่งทำหน้าที่เฝ้ายามเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดกรณีการนำตัวผู้ถูกควบคุมไปในขณะที่หลับอยู่ นอกจากนี้อานนท์ยังระบุว่าเรื่องทั้งหมดเกิดขึ้น ภายใต้ข่าวลือว่าจะมีการส่งคนเข้าไปทำร้ายหมายเอาชีวิตพวกเขาในเรือนจำ และเกรงว่าจะเสียชีวิตในเรือนจำ

นอกจากนี้อานนท์ ยังได้เบิกความต่อศาลด้วยว่า เคยได้รับคำเตือนมาก่อนว่า บุคคลคนหนึ่ง ซึ่งอานนท์ได้เอ่ยชื่อเล่น ต่อศาลในระหว่างพิจารณาไต่สวน ว่าบุคคลนั้นจะส่งคนเข้ามาจัดการอานนท์ พริฐษ์ และคนอื่นๆ ในเรือนจำ โดยอานนท์ยกตัวอย่างถึงผู้ต้องหาคดีการเมืองหลายคนที่เสียชีวิตด้วย เช่น หมอหยอง สุริยัน สุจริตพลวงศ์ และ พ.ต.ต.ปรากรม วารุณประภา นอกจากนี้ยังมีการกล่าวถึงการอุ้มฆ่าผู้ลี้ภัยการเมืองซึ่งถูกสังหารในประเทศลาว เพื่อขอให้ศาลไปโปรดคุ้มครองเขาด้วย

อย่างไรก็ตามกรณีที่อานนท์ ได้ขอให้ทนายความขอเทปจากกล้องวงจรปิดในเรือนจำแดน 2 ทั้งหมด รวมทั้งในห้องขังขณะเกิดเหตุด้วย แต่ เวลานี้เรือนจำยังไม่ได้ส่งมายังศาลเพื่อเป็นหลักฐานประกอบการไต่สวน โดยทางทนายความได้ขอให้ศาลพิจารณาเรียกหลักฐานนั้นมา เนื่อง


ข้อมูลจาก : VoiceTV

แสดงความคิดเห็น

0 ความคิดเห็น