เตือนทุกคนอย่าการ์ดตก เมื่อเชื้อโควิดรอบใหม่ในไทย ยังแพร่ระบาดไม่หยุด นับตั้งแต่เดือน ธ.ค.ปีที่แล้ว ล่าสุดวันที่ 23 มี.ค. พบผู้ติดเชื้อเพิ่ม 401 ราย เฉพาะกรุงเทพฯ มากถึง 352 ราย รวมผู้ป่วยสะสม 28,277 ราย โดยวันที่ 26 ม.ค. มียอดผู้ติดเชื้อสูงที่สุด 959 ราย
ไทยต่อสู้กับ "โควิด" ระบาดรอบใหม่ มายาวนานกว่า 4 เดือน จากการติดเชื้อเป็นกลุ่มก้อน เริ่มจาก จ.สมุทรสาคร และกระจายไปทั่ว อาจมีความเสี่ยงจะเกิดการ "ระบาดระลอกสาม" หรือไม่นั้น ทางด้าน "รศ.นพ.ธีระ วรธนารัตน์" คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้ฟันธงกับ "ทีมข่าวเจาะประเด็นไทยรัฐออนไลน์" ว่า การระบาดระลอกสามของโควิด มีอย่างแน่นอน ขอให้ทุกคนระวังและป้องกันตัวเองอย่างเคร่งครัด อย่าประมาท และอย่าเชื่อในสิ่งที่ให้ชวนเชื่อว่าคุมอยู่ ซึ่งความจริงแล้วยังคุมไม่อยู่ มีการปะทุไม่จบสิ้น หากระบาดซ้ำจะไม่ฟื้นตัว ยิ่งทำให้เกิดความพลั้งพลาด และวัคซีนที่มีอยู่เห็นชัดเจนว่ามีเฉพาะ 2 ยี่ห้อเท่านั้น ยังไม่เพียงพอ
“แม้ปากบอกไม่มีการปิดกั้น ไม่ว่าอะไรก็แล้วแต่ ทั้งภาคสังคมและเอกชน ก็ถูกบล็อกอยู่ดี เพราะวัคซีนเป็นการใช้ในสถานการณ์ฉุกเฉิน ถ้ารัฐบาลไม่ลงทุนจัดหา ก็ไม่มีทางได้นอกเหนือจากวัคซีน 2 ตัวนี้ โดยเฉพาะของจีน ด้านประสิทธิภาพเผยแพร่ต่อสาธารณะน้อยมาก ในแง่วิชาการแพทย์ค่อนข้างต้องการดูผลวิจัยตัวเต็ม ส่วนวัคซีนแอสตราเซเนกา ก็ไม่ได้ป้องกันติดเชื้อ ลดอัตราการเสียชีวิต ทำได้แค่ 62% หากเทียบกับวัคซีนประเทศอื่น นั่นแสดงว่าอาวุธของเรามีจำกัด”
สิ่งตอกย้ำให้ทุกคนระวังตัว และเตรียมรับมือกับการระบาดระลอกสาม เนื่องจากการระบาดรอบสองยังไม่จบสิ้น ไม่สามารถตัดวงจรระบาดได้ เพราะผลพวงจากมาตรการไม่ได้ดำเนินการเข้มข้นเพียงพอ ทำให้ผลลัพธ์เป็นไปตามที่เคยคาดการณ์มีคนติดเชื้อต่อเนื่อง หากติดเชื้อหลักสิบต่อวัน ซึ่งตามธรรมชาติจากบทเรียนทั่วโลก จะมีการระบาดซ้ำในอีก 10-12 สัปดาห์ บวกลบเล็กน้อย และหากติดเชื้อหลักร้อยต่อวัน การระบาดระลอกสาม มีโอกาสเกิดขึ้นภายใน 7 สัปดาห์ อาจแย่ลงหรือดีขึ้น

เตือนคนกรุง ระวังสถานที่เสี่ยงติดโควิด หมอฟันธง มันมาแน่ระลอกสาม วัคซีนไม่พอ
สกู๊ปไทยรัฐTHE ISSUE
ไทยรัฐออนไลน์
23 มี.ค. 2564 19:00 น.
บันทึก
SHARE

เตือนทุกคนอย่าการ์ดตก เมื่อเชื้อโควิดรอบใหม่ในไทย ยังแพร่ระบาดไม่หยุด นับตั้งแต่เดือน ธ.ค.ปีที่แล้ว ล่าสุดวันที่ 23 มี.ค. พบผู้ติดเชื้อเพิ่ม 401 ราย เฉพาะกรุงเทพฯ มากถึง 352 ราย รวมผู้ป่วยสะสม 28,277 ราย โดยวันที่ 26 ม.ค. มียอดผู้ติดเชื้อสูงที่สุด 959 ราย
ไทยต่อสู้กับ "โควิด" ระบาดรอบใหม่ มายาวนานกว่า 4 เดือน จากการติดเชื้อเป็นกลุ่มก้อน เริ่มจาก จ.สมุทรสาคร และกระจายไปทั่ว อาจมีความเสี่ยงจะเกิดการ "ระบาดระลอกสาม" หรือไม่นั้น ทางด้าน "รศ.นพ.ธีระ วรธนารัตน์" คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้ฟันธงกับ "ทีมข่าวเจาะประเด็นไทยรัฐออนไลน์" ว่า การระบาดระลอกสามของโควิด มีอย่างแน่นอน ขอให้ทุกคนระวังและป้องกันตัวเองอย่างเคร่งครัด อย่าประมาท และอย่าเชื่อในสิ่งที่ให้ชวนเชื่อว่าคุมอยู่ ซึ่งความจริงแล้วยังคุมไม่อยู่ มีการปะทุไม่จบสิ้น หากระบาดซ้ำจะไม่ฟื้นตัว ยิ่งทำให้เกิดความพลั้งพลาด และวัคซีนที่มีอยู่เห็นชัดเจนว่ามีเฉพาะ 2 ยี่ห้อเท่านั้น ยังไม่เพียงพอ
ข่าวแนะนำ
เสียงจาก "ภูเก็ต" จังหวัดแสนล้าน Phuket First October ฟื้นด้วยความหวัง

Premium Content
เนื้อหาพิเศษสำหรับสมาชิกไทยรัฐออนไลน์เท่านั้น สมัครสมาชิก
ดีกรีแชมป์โลก แมนยูฯ จ้องกระชากสตาร์พรีเมียร์ลีกเสริมแกร่ง (คลิป)

แม่น้ำโขงแห้งกระทบพันธุ์ปลา สร้างเขื่อนปิดกั้นเส้นทางวางไข่?

“แม้ปากบอกไม่มีการปิดกั้น ไม่ว่าอะไรก็แล้วแต่ ทั้งภาคสังคมและเอกชน ก็ถูกบล็อกอยู่ดี เพราะวัคซีนเป็นการใช้ในสถานการณ์ฉุกเฉิน ถ้ารัฐบาลไม่ลงทุนจัดหา ก็ไม่มีทางได้นอกเหนือจากวัคซีน 2 ตัวนี้ โดยเฉพาะของจีน ด้านประสิทธิภาพเผยแพร่ต่อสาธารณะน้อยมาก ในแง่วิชาการแพทย์ค่อนข้างต้องการดูผลวิจัยตัวเต็ม ส่วนวัคซีนแอสตราเซเนกา ก็ไม่ได้ป้องกันติดเชื้อ ลดอัตราการเสียชีวิต ทำได้แค่ 62% หากเทียบกับวัคซีนประเทศอื่น นั่นแสดงว่าอาวุธของเรามีจำกัด”
สิ่งตอกย้ำให้ทุกคนระวังตัว และเตรียมรับมือกับการระบาดระลอกสาม เนื่องจากการระบาดรอบสองยังไม่จบสิ้น ไม่สามารถตัดวงจรระบาดได้ เพราะผลพวงจากมาตรการไม่ได้ดำเนินการเข้มข้นเพียงพอ ทำให้ผลลัพธ์เป็นไปตามที่เคยคาดการณ์มีคนติดเชื้อต่อเนื่อง หากติดเชื้อหลักสิบต่อวัน ซึ่งตามธรรมชาติจากบทเรียนทั่วโลก จะมีการระบาดซ้ำในอีก 10-12 สัปดาห์ บวกลบเล็กน้อย และหากติดเชื้อหลักร้อยต่อวัน การระบาดระลอกสาม มีโอกาสเกิดขึ้นภายใน 7 สัปดาห์ อาจแย่ลงหรือดีขึ้น

เพราะฉะนั้นแล้วอยู่ที่การป้องกันของประชาชน หากดูนโยบายของรัฐบาลทั้งการท่องเที่ยวและลดวันกักตัวเหลือ 10 วัน ยิ่งเพิ่มความเสี่ยงนำเชื้อเข้ามาสู่ในประเทศมากขึ้น ทำให้มีโอกาสระบาดซ้ำอีก หรือมีโอกาสหลุด 20% ในการแพร่ระบาด หากเชื้อหลุดจากประเทศที่มีสายพันธุ์ดื้อ จากแอฟริกาใต้และสหราชอาณาจักร จะแย่ เพราะวัคซีนในประเทศทั้ง 2 ยี่ห้อ มีประสิทธิภาพจำกัด โดยสรุปว่ากลไกภายในประเทศ มีความเข้มแข็งน้อย ซึ่งปัจจุบันเปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมือ ไม่สามารถรับมือการระบาดรอบสองได้ ขอให้เตรียมรับชะตากรรม จะมีการแพร่ระบาดรุนแรงต่อเนื่อง
นอกจากนี้ ยังเป็นห่วงการอยากจะฟื้นฟูประเทศ แต่ปัญหาสำคัญที่สุด นอกเหนือนโยบายและวัคซีนแล้ว อยู่ที่รูปแบบอุตสาหกรรมท่องเที่ยวและการเดินทางต่างๆ ไม่แตกต่างไปจากเดิม เพราะจำนวนการพบปะของผู้คนยังแออัดเหมือนเดิม จะทำให้ลงล็อกเชื้อโควิด ซึ่งชอบในที่คนอยู่จำนวนมากนานๆ ดังนั้นประเทศไทยควรประเมินให้ดี ยอมรับความจริงว่าหน่วยงานไม่เข้มแข็ง ควรไปดูจุดที่มีความเปราะบาง และนำไปปรับปรุง ยกตัวอย่างการจัดทัวร์ต้องเป็นรูปแบบที่ปลอดภัยมากขึ้น อาจเปลี่ยนไปขายการเล่าเรื่อง
กรณีต่างด้าวใน ตม.บางเขน มีการติดเชื้อโควิดจำนวนมาก เป็นตัวชี้ให้เห็นการลักลอบเข้าเมืองผิดกฎหมาย ควรต้องปรับปรุง และเตรียมพร้อมรับมือในการระบาดซ้ำ ทั้งในสถานที่คุมขัง โรงเรียนและโรงพยาบาลในพื้นที่กรุงเทพฯ ซึ่งมีความเสี่ยงสูง หากมีการแพร่ระบาดจะกระจายไปทั่ว เหมือนการติดเชื้อเป็นกลุ่มก้อนในตลาด และขอเตือนอีกครั้งจะเกิดการระบาดระลอกสามอย่างแน่นอน.
0 ความคิดเห็น