ศาลปกครอง ขอดูคำวินิจฉัยศาล รธน.ฉบับเต็ม ปม ชี้ “ค่าโง่โฮปเวลล์” ขัดรธน.
โฆษกศาลปกครอง เผย ขอดูคำวินิจฉัยศาล รธน.ฉบับเต็ม ปมมติที่ประชุมใหญ่ให้นับอายุความฟ้องคดีไม่จ่ายค่าโง่โฮปเวลล์ นับแต่วันเปิดทำการศาลปกครอง ขัด รธน. ชี้ ไม่กระทบคดีที่พิพากษาเด็ดขาดแล้ว ก็ยังต้องดูว่าข้อเท็จจริงใหม่เข้าหลักเกณฑ์ที่ ก.ม.หรือไม่
วันที่ 17 มี.ค. นายประวิตร บุญเทียม โฆษกศาลปกครองสูงสุด กล่าวกรณี ศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัยว่า มติที่ประชุมใหญ่ศาลปกครองสูงสุด ที่กำหนดให้การนับอายุความฟ้องคดีปกครอง ตั้งแต่วันที่ศาลปกครอง เปิดทำการ คือ วันที่ 9 มี.ค. 2544 มาใช้อ้างอิงในคดีสัญญาสัมปทานโครงการโฮปเวลล์ เข้าข่ายเป็นการขัดหรือแย้งต่อรัฐธรรมนูญ ว่า ขอดูคำวินิจฉัยฉบับเต็มก่อนว่า ประเด็นที่ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยครอบคลุมไปลึกแค่ไหน ขณะนี้ทราบแต่จากเพียงเอกสารข่าวเท่านั้น แต่โดยหลักแล้วคดีที่ศาลมีคำพิพากษาถึงที่สุดไปแล้ว ก็เป็นอันเสร็จสิ้น มีแนวใหม่ หรือมีคำวินิจฉัยใหม่ ก็จะไม่กระทบกับคดีที่พิพากษาเสร็จเด็ดขาดไปก่อน ส่วนคดีที่อยู่ระหว่างการพิจารณาของศาลปกครองก็จะนำคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญมาประกอบการพิจารณา เพราะคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญผูกพันทุกองค์กร
ส่วนคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญดังกล่าว จะมีผลต่อการขอพิจารณาคดีโฮปเวลล์ใหม่ หรือไม่ โฆษกศาลปกครอง กล่าวว่า คดีโฮปเวลล์ เคยมีการขอพิจารณาคดีใหม่ไปแล้วครั้งหนึ่ง แต่ศาลปกครองชั้นต้น และศาลปกครองสูงสุด เห็นตรงกันว่าไม่เข้าเกณฑ์ที่จะขอพิจารณาคดีใหม่ได้ แต่การขอพิจารณาคดีใหม่อาจจะขอได้อีก โดยอ้างเหตุใหม่ ฉะนั้นถ้าคู่กรณียกคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญมาขอพิจารณาคดีใหม่ ศาลก็จะพิจารณาว่า เป็นเรื่องที่ใช้เหตุผลเดิมหรือไม่ ถ้าไม่ใช่และเป็นข้อเท็จจริงใหม่ ก็จะพิจารณาต่อไปว่าแล้วเข้าเกณฑ์ที่จะรับพิจารณาคดีใหม่ตามมาตรา 75 พ.ร.บ.จัดตั้งศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดีปกครอง 2542 ได้หรือไม่ ซึ่งก็ต้องขอดูคำวินิจฉัยเต็มของศาลรัฐธรรมนูญว่ามีรายละเอียดเป็นอย่างไร แล้วจึงมาพิจารณาต่อไปว่าเข้าเกณฑ์อนุมาตราใดของมาตรา 75 แล้วใช้ดุลยพินิจตามหลักฐานนั้น
“มันไม่ใช่ศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัยแบบนี้แล้วมันจะกระทบไปยังคดีเดิม เพราะคดีนั้นศาลพิพากษาถึงที่สุดไปแล้ว ถ้าทุกคนนิ่งก็จะไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง ศาลวินิจฉัยเบ็ดเสร็จเด็ดขาดไปแล้วก็เป็นไปตามนั้น แต่จะไม่นิ่งก็เมื่อคู่กรณีใช้ช่องทางขอพิจารณาคดีใหม่ตามมาตรา 75 ซึ่งตรงนี้เป็นช่องทางที่เป็นสิทธิของคู่กรณี เมื่อขอมา ศาลก็พิจารณา หากพิจารณาคำวินิจฉัยเต็มของศาลรัฐธรรมนูญแล้วเห็นว่ามันเข้าเกณฑ์พิจารณาใหม่ ตามมาตรา 75 ก็สามารถรับพิจารณาคดีใหม่ได้แต่ถ้าดูแล้วไม่เข้าเกณฑ์ ถึงจะมีคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญตรงนั้น ก็ต้องยกไม่รับคำขอเหมือนกับคดีที่แล้ว” โฆษกศาลปกครอง กล่าว...
นายประวิตร ยังกล่าวด้วยว่า ที่ผ่านมา ศาลปกครองไม่เคยมองว่า มติที่ประชุมใหญ่ศาลปกครองสูงสุด เป็นระเบียบที่ต้องประกาศในราชกิจจานุเบกษา หรือต้องส่งให้สภาผู้แทนราษฎรตรวจสอบ ตามมาตรา 5 มาตรา 6 ของรัฐธรรมนูญ แต่มติที่ประชุมใหญ่ศาลปกครองสูงสุด เป็นไปตามมาตรา 68 พ.ร.บ.จัดตั้งศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดีปกครอง 2542 ที่กำหนดว่า กรณี ประธานศาลปกครองสูงสุด เห็นสมควรที่จะให้มีการวินิจฉัยปัญหาใด คดีใด ให้เสนอที่ประชุมใหญ่พิจารณา ซึ่งที่ผ่านมา หากประธานศาลปกครองสูงสุดเห็นว่า คดีนั้นมีปัญหา หรือเป็นคดีสำคัญ หรือเป็นคดีที่มีทุนทรัพย์สูงก็จะจะนำเข้าที่ประชุมใหญ่ฯ พิจารณาข้อเท็จจริงในคดีนั้นๆ ซึ่งทำกันเกือบทุกเดือน โดยคดีโฮปเวลล์เป็นการพิจารณาปัญหาว่า จะนับอายุความอย่างไร ก็เลยเป็นมติของที่ประชุมใหญ่ ซึ่งเมื่อเป็นมติที่ประชุมใหญ่แล้ว ก็ไม่ต้องทำอะไรต่อ ก็นำไปใช้บังคับเลย โดยศาลปกครองก็ถือปฏิบัติตามนี้ มาจนเวลานี้ มติที่ประชุมใหญ่ มีเป็นร้อยเรื่อง และไม่เคยส่งไปประกาศราชกิจจา หรือส่งให้สภาผู้แทนราษฎรพิจารณา ดังนั้น เมื่อศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัยเช่นนี้ จึงต้องดูว่า มตินี้เป็นระเบียบเพราะอะไร
ข้อมูลจาก : ไทยรัฐนิวส์
0 ความคิดเห็น