นายภาณุพล กล่าวต่อว่า สาเหตุที่ ยสท.ต้องออกบุหรี่ราคาต่ำลง เนื่องจากต้องการรักษาส่วนแบ่งทางการตลาด โดยปัจจุบันจากโครงการอัตราภาษีสรรพสามิตบุหรี่ที่มี 2 ขั้น (เทียร์) คือ 20% และ 40% ทำให้ ยสท.ขายบุหรี่ถูกสุดได้ 60 บาทต่อซอง ซึ่งเหลือกำไรเฉลี่ยซองละ 0.50 บาท จากเดิมที่เคยมีกำไรเฉลี่ยที่ 6 บาทต่อซอง โดย ยสท.มีส่วนแบ่งตลาดลดลงเหลือ 56% จากเดิมที่ 79% จึงต้องวางแผนรักษาส่วนแบ่งการตลาดกลับมาให้ได้
“การลดราคาบุหรี่ ยังช่วยเรื่องควบคุมบุหรี่เถื่อน ซึ่งจากภาษีบุหรี่ปัจจุบัน ทำให้บุหรี่มีราคาสูง แต่คนไม่ได้เลิกสูบ และหันไปสูบบุหรี่เถื่อนมากขึ้นจากเดิมมีสัดส่วนเพียง 20% ของบุหรี่ทั้งระบบ ก็เพิ่มขึ้นเป็น 24% และปีที่ผ่านมาก็เพิ่มเป็น 29% ดังนั้น เรื่องภาษีจึงอยู่ที่การพิจารณา และ ความเมตตาของกรมสรรพสามิตด้วย”
นายภาณุพล กล่าวอีกว่า ส่วนความคืบหน้าในการสนับสนุนเกษตรกรผู้ปลูกใบยา ให้ไปปลูกกัญชง-กัญชา จากการหารือกับเกษตรกร 13,500 ครัวเรือน พบว่ากว่า 60-70% สนใจปลูกหมด และที่ผ่านมา ยสท.ได้หารือกับสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา เพื่อแก้ไขกฎหมายว่า ยสท.สามารถส่งเสริมสนับสนุนให้เกษตรกรชาวไร่สามารถปลูก เพื่อสร้างรายได้เชิงพาณิชย์ได้หรือไม่ จากเดิมที่ทำได้เฉพาะเพื่อการวิจัยและพัฒนา รวมทั้ง ยสท.มีอำนาจในการรับซื้อ จัดหาเมล็ดพันธุ์ ทำการตลาด ควบคุมกลไกราคา รับประกันราคา รับซื้อได้หรือไม่
ทั้งนี้ คาดว่าสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีดาจะให้คำตอบได้ภายใน 2 สัปดาห์ นอกจากนี้ ภายในสัปดาห์นี้ ยสท.เตรียมหารือกับองค์การเภสัชกรรม กรมแพทย์แผนไทย สถาบันวิจัยจุฬาภรณ์ ว่าจะนำกัญชงกัญชา ไปใช้ในอุตสาหกรรมประเภทใดได้ โดยคาดว่าจะได้ข้อสรุปเบื้องต้นภายใน 2 สัปดาห์ และหากทุกฝ่ายเห็นชอบ ก็จะเริ่มเปิดให้เกษตรกรลงทะเบียนช่วงปลายเดือน เม.ย. และ เริ่มปลูกได้ช่วง ส.ค.นี้ แต่จะไม่มีการนำมาผลิตเป็นยาสูบเด็ดขาด
รายงานข่าวจากกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า ขณะนี้ภาษีสรรพสามิตบุหรี่ โครงสร้างใหม่อยู่ระหว่างการพิจารณาของกรมสรรพสามิต โดยมีข้อเสนอหลายด้าน เช่น เสนอให้ปรับภาษีเหลือเพียงเทียร์เดียว แต่ต้องกำหนดอัตราที่เหมาะสม เพื่อไม่ให้กระทบกับผู้ปลูกใบยา และรายได้ของ ยสท. หรือ เพิ่มเป็น 3 เทียร์ ให้มีอัตราภาษีต่ำกว่าโครงสร้างปัจจุบัน เพื่อให้สามารถขายบุหรี่ถูกลง และ ยสท.ยังมีกำไรต่อไปได้
0 ความคิดเห็น